1. มองโกเลีย (Mongolia)
ดินแดนแห่งเจงกีสข่าน ประเทศที่มีอัตราความหนาแน่นของประชากรแค่ 1.7 คน/ตารางกม. ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ทุ่งหญ้าสเตปป์และทะเลทราย หรือตกปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติใสกิ๊กมาจากภูเขาสูงเท่านั้น ในเมืองหลวงของมองโกเลียที่ชื่อ “อูลาน บาตอร์” ซึ่งก่อตั้งในปี 1639 ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น อนุสาวรีย์ของเจงกีสข่าน ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์คนขี่ม้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างจากเหล็กสแตนเลสทั้งชิ้นหนักถึง 250 ตัน, หรือจะเป็น Winter Palace ของจักรพรรดิองค์สุดท้ายของมองโกเลีย Bogd Khan, รวมทั้ง วัดชื่อดัง Gandan Monastery ที่เป็นที่อยู่ของลามะกว่า 150 รูปและมีพระพุทธรูปอวโลกิเตศวร สูง 26.5 เมตรตั้งตระหง่านในวัดอีกด้วย ที่สำคัญ ในเมืองหลวงยังสามารถพบเห็นบ้านคนทำจากกระโจมแบบมองโกล ที่เรียกกันว่า “เกอร์” และคนขี่ม้าไปทำงานในเมืองได้ด้วย
การเดินทางไปไม่ยาก และราคาตั๋วไม่แพง จากการเสิร์ชหาใน Jetradar.co.th เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั่วเครื่องบินที่ดีที่สุด-ถูกที่สุด ราคาตั๋วไปกลับแค่ 3 หมื่นเศษๆ โดยแวะเดินเล่นที่ปักกิ่งก่อน 1 วันได้ด้วย
ส่วนโรงแรมที่พักในมองโกเลีย ลองเสิร์ชแบบเว่อร์ๆสัก 11 คืน ในเครื่องมือค้นหาที่พักที่ดีที่สุดอย่าง https://th.hotellook.com/ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบราคาโรงแรมที่พักได้จากทั่วโลก จากทุกแบรนด์ไม่ว่าจะเป็น agoda หรือ booking.com พบว่าถูกอย่างไม่น่าเชื่อ จะพักแบบกระโจมก็แค่ 2,300 บาท (สำหรับ 11 คืน!) หรือจะแบบโรงแรมปกติ ก็แค่ไม่ถึง 2 หมื่นบาท เรียกว่า ถูกอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว
2. จอร์เจีย (Georgia)
ประเทศที่มีนามสกุลแค่ 2 แบบ คือ ไม่ลงท้ายด้วย -adze ก็ลงท้ายด้วย -vili
น้อยคนนักจะรู้ว่า ไปจอร์เจียก็ไม่ต้องใช้วีซ่าได้ถึง 90 วัน ที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามมากถึงมากที่สุด อาหารก็อร่อย โดยเฉพาะคนที่ชอบทาน cheese และขนมปังนานกับซุปพื้นเมืองรสชาติจัดจ้าน ที่นี่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของน้ำแร่คุณภาพดีราคาถูก Borjomi และไวน์พื้นเมืองชั้นดี ส่วนที่เที่ยว ที่จอร์เจียมีที่แปลกๆ ให้ชมหลายที่ เช่น Katskhi Pillar เสาหินธรรมชาติเหนือหน้าผา ที่มีวัดเล็กๆตั้งอยู่ โดยนักบวชต้องปีนขึ้นบันไดลิงเพื่อขึ้น-ลงจากวัดสูง 40 เมตรทุกวัน, เมือง Chiatura ที่คนไม่นั่งรถเพื่อไปทำงานในเหมือง แต่นั่งกระเช้าลอยฟ้า!, หรือจะเป็นร้านแม็คโดนัลด์ทรงประหลาดที่สุดที่เมือง Batumi เป็นต้น
Credit : TOTALLY COOL PIX.com
การเดินทางไปก็ไม่ยากเช่นกัน และราคาตั๋วแทบไม่ต่างจากไปมอสโก จากการเสิร์ชหาใน Jetradar.co.th เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั่วเครื่องบินที่ดีที่สุด-ถูกที่สุด ราคาตั๋วไปกลับแค่ราวๆ 26,000 บาท แถมได้เดินเล่นในมอสโก 1 วัน ทั้งขาไปและขากลับ
ส่วนโรงแรมที่พักในจอร์เจีย ในเว็บ https://th.hotellook.com/ ได้ราคาที่ถูกอย่างเหลือเชื่อ โดยลองหาราคาสำหรับพัก 1 อาทิตย์เต็มๆ ได้ราคาถูกสุดๆ รวมแล้วแค่ 6 พันกว่าบาทเอง!
3. แอฟริกาใต้ (South Africa)
ประเทศที่มีภาษาราชการมากที่สุด ถึง 11 ภาษา(!)
ประเทศแอฟริกาใต้เป็นประเทศที่ส่งออกผลไม้มากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก และมีความปลอดภัยของน้ำดื่มจากก๊อกสูงที่สุดเป็นอับดับสามของโลก ที่นี่มีสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ด้หลายแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติ Kruger National Park ซึ่งรวมสัตว์หายากต่างๆ และสัตว์ที่วิ่งเร็วที่สุด 3 ชนิด ได้แก่ เสือดาว, แอนทิโลป, และสิงโต หรือต้นไม้ยักษ์ “เบาบับ” (baobab) ต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุมากกว่า 5,000 ปี และมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 25 เมตร ซึ่งเป็นต้นแบบของ Supertree grove ที่สิงคโปร์ หรือจะเป็นถ้ำ Cango ซึ่งลึกกว่า 4 กม. และได้ชื่อว่าเป็นถ้ำที่สวยที่สุดในโลก เป็นต้น
การเดินทางไปก็ไม่ลำบาก ราคาตั๋วถูกมากเมื่อเทียบกับระยะทางและประสบการณ์ที่จะได้รับที่แอฟริกาใต้ จากการเสิร์ชหาใน Jetradar.co.th เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั่วเครื่องบินที่ดีที่สุด-ถูกที่สุด ราคาตั๋วไปกลับเริ่มที่ 30,000 บาทเศษๆ โดยจะเลือกแวะพักเปลี่ยนเครื่องที่เคนยา หรือจะแวะที่เอธิโอเปียก็ได้
เรื่องของโรงแรมที่พัก จากการลองเสิร์ชใน https://th.hotellook.com/ จะพบว่า หากเที่ยวที่แอฟริกาใต้ 1 อาทิตย์เต็มๆ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 13,000 บาทเศษ เท่านั้น!
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่าในการเข้าประเทศ เช่น เกาะต่างๆ อาทิ Seychelles, Maldives, Fiji, Cook Island หรือจะเป็นแถบละตินทั้งหลาย อาทิ Argentina, Brazil, Peru, Chile ฯลฯ
ดังนั้น เมื่อไปได้ง่ายขนาดนี้ โดยไม่ต้องมีวีซ่า ราคาถูก (ไปแค่สิงคโปร์ ค่าโรงแรมยังราคาแพงกว่านี้อีก) ก็คงไม่มีเหตุผลใดๆให้อ้างที่จะไม่เริ่มแพ็คกระเป๋า แล้วออกเดินทางไป 1 ใน 3 ประเทศนี้ เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่คุณเอง จะได้มากกว่าแค่ท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านแบบเดิมๆ อีกต่อไป
ขอบคุณข้อมูล จาก jetradar.co.th และ sanook.com
